| รับประทานยาอะไร ทำให้เป็นโรคกระเพาะ | 
  
  
    | 
                 
     | 
  
  
    | 
    อ้างอิง
				                
    อ่าน 149 ครั้ง / ตอบ 3 ครั้ง 
     | 
  
  
    | 
    	
      
       | 
    
    	
		รับประทานยาอะไร ทำให้เป็นโรคกระเพาะ 
อย่างที่รู้กันว่า ยาบางประเภทนั้น ส่งผลเคืองกระเพาะ ถ้าหากรับประทานไม่ระวังสามารถก่อโรคกระเพาะของกินเอาได้ ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะ รับประทานยาอะไร พวกเราจะมาศึกษากรุ๊ปยาที่ควรใช้ให้ละเอียด เพื่อไม่ให้ได้รับผลพวงนี้กันจ้ะ โดยจะเสนอข้อมูลที่ได้รับมาจาก บทความของ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ. ดร. เภสัชกรหญิง นงลักษณ์ สุขกิจการค้าศิลป 
  
กล่าวถึง “ยา” กับกระเพาะ 
ยามีผลไม่ปรารถนาต่อทางเดินอาหารได้หลายหมวดหมู่ ยาบางชนิดส่งผลให้เกิดโรคแผลในกระเพาะ (gastric ulcer) หรือ “โรคกระเพาะ” โดยเฉพาะกรุ๊ป “ยาที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs หรือ NSAIDs)” ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปมักเรียกว่า “ยาพาราข้อ” หรือ “ยาแก้ข้ออักเสบ” แล้วก็เจ้าหน้าที่รัฐทางด้านการแพทย์มักเรียกสั้นๆตามชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า “เอ็นเสด (NSAIDspgslot)” (อ่านข้อมูล “ยาพาราข้อ ข้ออักเสบ-กรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs)”) ส่วนยาอื่นที่นำไปสู่โรคแผลในกระเพาะได้เช่นกันแม้ว่าจะเจอได้น้อยกว่า อย่างเช่น ยาในกรุ๊ปกลูวัวคอร์ติรอด์ (glucocorticoids) หรือที่รู้จักกันว่า “ยาสเตียรอยด์” สำหรับใช้ลดการอักเสบและก็กดภูมิต้านทาน, ยาในกรุ๊ปบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonates) ชนิดกินสำหรับใช้ปกป้องแล้วก็รักษาโรคกระดูกพรุน, ยากดภูมิต้านทาน (immunosuppressive drugs) สำหรับใช้ในคนที่มีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะและก็รักษาโรคโรคมะเร็งบางจำพวก ในเนื้อหานี้เอ๋ยถึงโรคแผลในกระเพาะแล้วหลังจากนั้นก็ยาที่เป็นต้นเหตุ โดยย้ำยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) กลไกที่ยาพวกนั้นก่อให้เกิดโรคแผลในกระเพาะ ต้นเหตุเกื้อหนุนการเกิดโรคแผลในกระเพาะจากยาสล็อตออนไลน์ และก็คำแนะนำในการใช้ยาเพื่อลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคแผลในกระเพาะ 
  
โรคแผลในกระเพาะและจากนั้นก็ยาที่เป็นต้นเหตุ 
โรคแผลในทางเดินของกินที่เหตุเพราะกรด (peptic ulcers) ซึ่งรวมทั้งโรคแผลที่กระเพาะ กำเนิดได้จากหลายกรณี มูลเหตุที่สำคัญเป็นการได้รับเชื้อแบคทีเรียชื่อเฮลิโคกางคเตอร์ไพโลไร (Helicobacter pylori) รวมทั้งการใช้ยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) คนป่วยมีลักษณะอาการปวดรวมทั้งแสบท้องบริเวนใต้ลิ้นปี่ โดยมากปวดขณะท้องว่าง อาการกำเริบช่วงเวลาค่ำหรือตื่นเช้า แม้ว่าบางรายอาจมีลักษณะของการปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหลังรับประทานอาหาร ยิ่งไปกว่านี้ยังมีลักษณะอาการอื่น เป็นต้นว่า อ้วก อ้วก น้ำหนักตัวลด อึดำ ยาที่เป็นต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะซึ่งเว้นเสียแต่ยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) แล้วยังมียาอื่นอีกเยอะแยะแม้ว่าจะเป็นต้นเหตุที่เจอได้น้อยกว่า 
  
ยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDS) 
มียามากมายที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ แม้แบ่งตามการออกฤทธิ์สำหรับการยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี “ไซวัวผุดผ่องกสิจีเนส” หรือ “ค็อกซ์” (cyclooxygenase หรือ COX) ซึ่งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีนี้ปฏิบัติภารกิจสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) บางทีอาจแบ่งยาเอ็นเสด (NSAIDs) ออกเป็นกรุ๊ปที่ยั้งทั้งยังค็อกซ์-1 และก็ค็อกซ์-2 และกรุ๊ปที่เลือกยั้งหรือมีความเจาะจงสำหรับในการยั้งค็อกซ์-2 ซึ่งการขวางกั้นค็อกซ์-1 จะสหพันธรัฐกับการเกิดแผลในกระเพาะ แบบอย่างยาที่ยั้งค็อกซ์-1 ได้ ยกตัวอย่างเช่น แอสไพริน (aspirin หรือ acetyl salicylic acid), ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), ไดวัวลฟีแน็ก (diclofenac), ทุ่งนาพร็อกเซน (naproxen), ไพร็อกสิแคม (piroxicam) คาสิโนออนไลน์มองชื่อยาเสริมเติมได้ในตาราง 
  
ยาอื่นๆ 
นอกเหนือจากยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) ยังมียากลุ่มอื่นที่อาจจะเป็นผลให้กำเนิดโรคแผลในกระเพาะแม้ว่าเจอได้น้อยกว่า (ดูตัวอย่างชื่อยาในตาราง) กรุ๊ปที่จะเอ่ยถึงอาทิเช่น (1) กรุ๊ปกลูวัวคอร์ติรอด์ (glucocorticoids) หรือที่รู้จักกันว่า “ยาสเตียรอยด์” ใช้ลดการอักเสบและก็กดภูมิต้านทานในโรคต่างๆยาในกลุ่มนี้ดังเช่น เดกซาเมทาโซน (dexamethasone), เพรดนิโซน (prednisone), เพรดนิโซโลน (prednisolone); (2) กรุ๊ปบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonates) จำพวกกิน ใช้ปกป้องแล้วก็รักษาโรคกระดูกพรุน ยาในกลุ่มนี้ตัวอย่างเช่น อะเลนโดรเนต (alendronate), ไอแบนโดรเนต (ibandronate), ไรเซโดรเนต (risedronate) แล้วก็ (3) กรุ๊ปยากดภูมิต้านทาน (immunosuppressive drugs) ใช้ในคนที่มีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะแล้วก็ใช้รักษาโรคโรคมะเร็งบางประเภท ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide), มันข้นเทกระจัดกระจายเซต (methotrexate), ฟลูออโรยูราสิล (5-fluorouracil หรือ 5-FU), ทาวัวรลิมัส (tacrolimus) 
ต้นสายปลายเหตุส่งเสริมการเกิดโรคแผลในกระเพาะ 
มีต้นเหตุหลายแบบที่ช่วยเหลือการเกิดโรคแผลในกระเพาะจากยา ดังที่จะกล่าวต่อไปในขณะนี้ 
1. คนสูงวัย 
2. คนที่มีโรคแผลในกระเพาะอยู่ก่อนแล้ว 
3. การใช้ยาที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแผลในกระเพาะในขนาดสูงแล้วก็ใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน 
4. การใช้ยาที่เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะด้วยกัน อาทิเช่น การใช้ยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) ร่วมกับยาในกรุ๊ปคอร์ติวัวสเตียรอยด์ 
5. การดื่มสุรา เหล้าทำให้แรงต้านทานของชั้นเยื่อเมือกในกระเพาะต่ำลง จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแผลในกระเพาะจากยา 
6. การสูบยาสูบ แม้ว่าการดูดบุหรี่มิได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคแผลในกระเพาะ แม้กระนั้นบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงของยาต่อกำเนิดโรคแผลในกระเพาะ และก็อาจทำให้การดูแลรักษาแผลในกระเพาะให้ประสิทธิผลไม่ดีซักเท่าไหร่ 
ข้อเสนอแนะสำหรับเพื่อการใช้ยาเพื่อลดการเสี่ยงต่อโรคกระเพาะของกิน 
1. การกินยาพร้อมของกินหรือหลังรับประทานอาหารในทันทีทันใดช่วยลดการระคายเคืองกระเพาะได้นิดเดียว 
2. ไม่ใช้ยาที่อาจจะส่งผลให้กำเนิดโรคแผลในกระเพาะดังที่กล่าวผ่านมาแล้วด้วยกัน 
3. ถี่ถ้วนการใช้ยาที่อาจก่อให้กำเนิดโรคแผลในกระเพาะร่วมกับยาต้านทานการแข็งตัวของเลือดหรือยากันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) แล้วก็ยาต้านทานเกล็ดเลือด (antiplatelets) เนื่องด้วยการใช้ยากลุ่มดังที่ได้กล่าวมาแล้วเสี่ยงต่อการเกิดโรคแผลในกระเพาะได้ด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้นถ้ามีแผลในกระเพาะจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวการณ์เลือดออก (bleeding) ได้ 
4. หากว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเพื่อรักษาโรคเรื้อรัง บางทีอาจใช้ยากลุ่มที่เลือกยั้งหรือมีความเฉพาะสำหรับเพื่อการยั้งค็อกซ์-2 ด้วยเหตุว่ามีการเสี่ยงที่จะกำเนิดโรคแผลในกระเพาะได้น้อยกว่ากรุ๊ปที่ยั้งค็อกซ์-1 เจริญก้าวหน้า แต่ยาพวกนั้นจะเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในเส้นโลหิตได้ 
5. คนที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะ หากว่าควรต้องใช้ยาในกรุ๊ปเอ็นเสด (NSAIDs) เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน บางทีอาจใช้ร่วมกับยายับยั้งการหลั่งกรดกรุ๊ปที่ออกฤทธิ์ยั้งลักษณะการทำงานของโปรตอนปั๊ม (proton pump inhibitors) โดยอยู่ในดุลยพินิจของหมอผู้สละการดูแลและรักษา ดังนี้ไม่ชี้นำให้หาซื้อยายั้งการหลั่งกรดมาใช้เองด้วยความที่ยากลุ่มดังที่กล่าวผ่านมาแล้วก็ส่งผลไม่ประสงค์ล้นหลามเหมือนกัน 
     | 
  
  
  |   | 
    
    	
    	            koalamn
               [49.228.66.xxx] เมื่อ 19/09/2023 12:26      
	     |