สถิติ
เปิดเมื่อ11/11/2018
อัพเดท23/01/2019
ผู้เข้าชม79090
แสดงหน้า112794
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




เหรียญแต่ก่อน

เหรียญแต่ก่อน
อ้างอิง อ่าน 108 ครั้ง / ตอบ 1 ครั้ง

เมื่อรัชกาลที่ ๔ กรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการสลับตัวอย่างทรัพย์สินที่ใช้ในประเทศไทยนี้ ถือได้ว่าเป็นการสำคัญในตำนานเรื่องหนึ่ง ก็เลยได้ตรวจเก็บเนื้อความเรื่องแปลงแบบทรัพย์สินขณะนั้นอันมีปรากฏอยู่ในหนังสือต่างๆเป็น ประกาศ อื่นๆอีกมากมาย มาเรียบเรียงอธิบายให้ผู้อ่านรู้เรื่องแล้วก็เรื่องที่มีมา บาคาร่าออนไลน์

ในประเทศไทยนี้ใช้เงินกับเบี้ย (หอย) เป็นเครื่องแลกสำหรับในการจัดจำหน่ายมาแม้ว่าสมัยกรุงจังหวัดสุโขทัย เงินนั้นหาตัวโลหะมาแม้กระนั้นต่างถิ่น เอามากล่อมเกลาทำเป็นทรัพย์สินในประเทศไทยนี้เอง แต่ว่าส่วนเบี้ยนั้น อาศัยพวกฝรั่งท่องเที่ยวค้นหาตามชายทะเลแล้วพามาขายในประเทศนี้รับซื้อไว้ใช้สอยเป็นเครื่องแลกสำหรับในการขาย ขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างนั้นบางทีอาจใช้มากมายระทั่งตลอดสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นจังหวัดราชบุรี มีเหตุปรากฏในปูมกาลครั้งหนึ่งเมื่อปีชวด พ.ศ.๒๒๘๗ ในรัชกาลพระเจ้าบรมโลงศพว่า 'ใช้ทาบกันต่างเบี้ย' ดังนี้ เดิมไม่เคยรู้ว่าเกาะติดนั้นเป็นอย่างไร จนกระทั่งพระยาโบราณราชธานินทร์ขุดตรวจที่ในวังหลวงที่กรุงศรีอยุธยา พบดินเผาตีตราต่างๆขนาดเท่าเงินเหรียญห้าสิบเงินฝังไว้เป็นอันมาก ก็เลยเข้าใจว่านั่นเองที่เรียกว่าตามติด

น่าจะเป็นด้วยขาดคราวคนต่างชาติเอาเบี้ยเข้ามาขาย ก็เลยนำแทบกันขึ้นใช้แทนเป็นครั้งคราว เพียงพอมีเบี้ยเข้ามาขายก็เลิก ก็เลยมิได้ใช้แทบกันต่อมาทรัพย์สินครั้งกรุงศรีอยุธยาทำเป็นเงินพดด้วง (เป็น รูปร่างกลม) ประทับเป็นหลักสองดวง ดวงหนึ่งมักเป็นรูปจักร คงจะแสดงว่ากรุงศรีอยุธยาอันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระรามาหัวหน้า อีกดวงหนึ่งมีใช้รูปแปลกๆกัน เป็นสังข์บ้าง เป็นตรีบ้าง lucabet เป็นเครื่องหมายรัชกาล (แต่พิเคราะห์มองดู แลเห็นดวงตราที่ไม่เหมือนกันมีน้อยกว่าจำนวนกษัตริย์ที่ถือครองกรุงศรีอยุธยามากสักเท่าไรนัก ก็เลยคาดหมายอีกอย่างหนึ่งว่า จะไม่แปลงแบรนด์ทุกรัชกาล ใช้แบรนด์เช่นกันตลอดกาลจนกระทั่งมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเช่น เกิดเงินปลอมเพิ่มมากขึ้นอื่นๆอีกมากมาย พระเจ้าแผ่นดินก็เลยมีพระราชกระแสรับสั่งสั่งให้แปลงแบรนด์เสียกาลครั้งหนึ่ง) ทรัพย์สินครั้งกรุงศรีอยุธยามีสี่ขนาดเป็นขนาดบาทหนึ่ง ขนาดครึ่งบาท (เรียกว่า สองสลึง อย่างนี้ชะรอยคนจะไม่ได้อยากต้องการถูกอกถูกใจใช้ ก็เลยมีน้อย) ขนาด ๑/๔ ของบาท เรียกว่า สลึงหนึ่ง ขนาด ๑/๘ ของบาท เรียกว่า เฟื้องหนึ่ง

รองนั้นลงมาถึงเบี้ย มีอัตราสี่ร้อยเบี้ยเป็นราคาเฟื้องหนึ่ง แต่ว่าไม่เป็นราคาโดยถูกกฎหมาย สุดแต่มีเบี้ยเข้ามาขายในตลาดจำนวนมากหรือน้อย ในเวลาเบี้ยในตลาดมีจำนวนมาก ราคาเบี้ยตกถึงหนึ่งพันเบี้ยต่อเฟื้องก็มี แต่พลเมืองค้าขายเครื่องบริโภคกันในตลาดมักใช้เบี้ยเป็นหลัก

ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนก่อนรัชกาลที่ ๔ บางทีอาจใช้เงินมาตามแบบอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นแต่เปลี่ยนแบรนด์ตามรัชกาล รัชกาลที่ ๑ ใช้ตราบัวอุณาโลม รัชกาลที่ ๒ ใช้แบรนด์ครุฑ รัชกาลที่ ๓ ใช้แบรนด์วัง รัชกาลที่ ๔ ใช้แบรนด์พระมหามงกุฎ ส่วนแบรนด์อีกดวงหนึ่งซึ่งบอกนามประเทศ บางครั้งก็อาจจะใช้แบรนด์จักรเหมือนกันอีกทั้งสี่รัชกาล เป็นอย่างนั้นมาจนกระทั่งในรัชกาลที่ ๔ เริ่มทำหนังสือคำมั่นสัญญาทางพระราชไมตรีเปิดแนวทางการขายกับฝรั่งประเทศนอกเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๘ การค้าขายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เจริญเร็วเกินคาดหมายดังเช่นครั้งก่อนมา มีเรือกำปั่นฝรั่งเข้ามาค้าขายในจังหวัดกรุงเทพ เพียงแค่ราวปีละสิบสองลำ ตั้งแต่ทำหนังสือคำมั่นสัญญาแล้ว ก็มีเรือกำปั่นฝรั่งเข้ามาค้าขายถึงปีละสองร้อยลำ พวกพ่อค้าก็เอาเงินเหรียญดอลลาร์ซึ่งใช้ในลัษณะของการจัดจำหน่ายทางเมืองจีนเข้ามาซื้อสินค้า ประชากรไทยไม่ยอมรับ ฝรั่งก็เลยจำต้องเอาเงินเหรียญดอลลาร์มาขอแลกเงินบาทจากรัฐบาล ก็เงินบาทเงินพดด้วงนั้นช่างหลวงทำที่พระโกดังมหาสมบัติ เตาหนึ่งทำเป็นราววันละสองร้อยสี่สิบบาท ด้วยเหตุว่าทำแต่ด้วยเครื่องมือ มิได้ใช้เครื่องจักร

 
 
0ningnong0 [49.228.64.xxx] เมื่อ 19/10/2020 16:11
1
อ้างอิง

JaneWat
ข้อเสนอเกมออนไลน์ที่ดีที่สุด
 
JaneWat [email protected] [109.248.213.xxx] เมื่อ 19/10/2020 16:11
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
รูปประกอบความคิดเห็น :
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
อีเมล์ :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :